NEW
SAMART โชว์งบเดี่ยวปี 66 มีกำไร 631 ล้านบาท งบรวมรายได้โต 9% มั่นใจ ปี 67 SAMTEL SAV SDC พลิกฟื้นและมีแนวโน้มเติบโต
SAMART โชว์งบเดี่ยวปี 66 มีกำไร 631 ล้านบาท งบรวมรายได้โต 9% มั่นใจ ปี 67 SAMTEL SAV SDC พลิกฟื้นและมีแนวโน้มเติบโต
บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เผยงบรวมปี 2566 ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมาก พร้อมจะเทิร์น อะราวด์เต็มที่ในปีนี้ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 10,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,276 ล้านบาท หรือเกือบ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลขาดทุนสุทธิลดลงกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของบริษัทในเครือ มั่นใจปีนี้ ทุกสายธุรกิจแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะธุรกิจด้าน ICT และ การบินที่พร้อมขยายตัวต่อเนื่อง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART กล่าวว่า “ในปี 2566 กลุ่ม SAMART มีผลประกอบการณ์ทีดีขึ้น โดยงบเดี่ยวของ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น มีรายได้รวม 1,390 ล้านบาท เติบโตขึ้น 77% และ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 118% อยู่ที่ 631 ล้านบาท ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิ 45% ด้านบริษัทในเครือ คือ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ผู้นำธุรกิจวิทยุการบินในประเทศกัมพูชา มีรายได้รวม 1,647.8 ล้านบาท เติบโตขึ้น 35% และ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 271.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL มีรายได้รวม 4,588 ล้านบาท ลดลง 12.9% และ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ อยู่ที่ 72 ล้านบาท ลดลง 189 ล้านบาท หรือลดลง 72.5% ในขณะที่บริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SDC มีรายได้รวม 1,965 ล้านบาท เติบโตขึ้น 205 % และมีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 754 ล้านบาท โดยขาดทุนลดลงถึง 422 ล้านบาท ถือว่าปรับตัวดีขึ้นเกือบ 40 %
ทั้งนี้เมื่อรวมผลประกอบการของบริษัทลูกทุกกลุ่มแล้ว ทำให้ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น มีรายได้รวม 10,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,276 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 10% และขาดทุนสุทธิราว 390 ล้านบาท ลดลงประมาณ 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรับรู้ผลขาดทุนของ SDC
“สำหรับปี 2567 SAMART ตั้งเป้าสร้างรายได้เติบโต 30% หรือสูงกว่า 13,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจาก กลุ่มธุรกิจ Digital ICT Solutions นำโดย บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL และกลุ่มธุรกิจ Utilities and Transportations ซึ่งรวมธุรกิจด้านการบินที่เติบโตสูง โดยมี บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAV เป็นบริษัทหลักในกลุ่ม กลุ่มธุรกิจ Digital Communications จะเติบโตสูงเช่นกัน โดย SAMART จะเน้นกลยุทธ์ Outcourcing Business Model ให้แก่ลูกค้าภาครัฐ ที่จะช่วยลดภาระด้านงบประมาณและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ด้วยกลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทมีรายได้ประจำต่อเนื่องระยะยาว ซึ่งเห็นได้จากโครงการ Direct Coding หรือ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต สินค้าประเภทสุราแช่ ชนิดเบียร์ ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 7 ปี โดยปีที่ผ่านมารับรู้รายได้แล้วประมาณ 1000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ Recurring Income เพิ่มขึ้นเป็น 40-50% ของรายได้รวม”
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเน้นขยายการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ หรือ Strategic Partners เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พร้อมกับการขยายบริการด้านเทคโนโลยี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนประมาณ 4,000 – 5,000 ล้านบาทสำหรับโครงการใหม่ๆด้วย
“ปีนี้ เป็นปีที่คาดว่า บริษัทฯในเครือจะมีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้น บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือสะสม (Backlog) จำนวน 5,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ ตั้งเป้าเซ็นสัญญาโครงการใหม่ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ส่งเสริมให้มีรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30 % ในขณะที่บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในกัมพูชาประมาณ 22-25% และ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อขยายธุรกิจการบินในประเทศสปป. ลาว ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มรายได้และการเติบโตของธุรกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ ส่วน บริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SDC จะมีการรับรู้รายได้ค่าแอร์ไทม์จากธุรกิจ Digital Trunk Radio เต็มปี ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการพลิกฟื้นเป็นบวกได้ อีกทั้ง ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา SDC ได้หยุดการตั้งสำรองการลงทุนเครือข่ายลงแล้ว ทำให้ลดการทุนทางบัญชีลง และเชื่อมั่นว่า บริษัทฯจะสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการเครือข่าย DTRS ครอบคลุมทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง” นายวัฒน์ชัย กล่าวปิดท้าย